เคยบ้างไม๊ที่รู้สึกว่าโปรเจคที่เราดูแลอยู่มันไปไม่ถึงไหน เคยไม๊ที่โทษตัวเองว่าถึงแม้เราจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่มี progress อะไรเกิดขึ้นเลย หรือว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเรา และเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร หรือเราเป็น imposter ในทีม ต้องยอมรับว่าความรู้สึกแบบนี้ เกิดขึ้นกับ developers, team leads หรือแม้กระทั่ง leaders ในทุกๆระดับ ที่ส่วนใหญ่จะต้องผ่านจุดนี้ จุดที่เรียกว่า Imposter Syndrome
![](https://i0.wp.com/codingugly.com/wp-content/uploads/2021/05/Blockdit-Post-1-–-9.png?resize=1024%2C1024&ssl=1)
ทำไมเราต้องตั้งคำถามกับความสามารถของเรา ต้องยอมรับก่อนว่า งานในสายพัฒนาซอฟต์แวร์ มักจะมีความซับซ้อนและไม่ตรงไปตรงมาเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ทำให้บ่อยครั้งโปรเจคไม่ดำเนินไปข้างหน้าอย่างที่ควร feature ใหม่ๆ ไม่ผ่าน QA หรือแม้กระทั้งเรื่องเล็กๆอย่าง cycle time ของ pull request นานเกินไปกว่าจะได้ merge เข้า develop branch จนพาลทำให้เกิดคำถามในใจว่าเราไม่มีความสามารถหรือเปล่า หรือว่าเราเป็นของปลอม (imposter)
![](https://i0.wp.com/codingugly.com/wp-content/uploads/2021/05/51Z1QcPEYKL._AC_SY580_.jpg?resize=500%2C407&ssl=1)
จริงๆแล้วเราต้องยอมรับก่อนว่า ความรู้สึกแบบนี้เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะอาชีพไหน ขอยกตัวอย่าง หากคุณเป็น engineering manager ที่เพิ่งถูก assign มาให้แก้ปัญหาโปรเจคที่ go live ไปแล้ว หากคุณเริ่มรู้สึกถึง imposter syndrome เมื่อไหร่ ให้ตั้งสติและเริ่มจากจุดเล็กๆไปใหญ่ นำเอกสาร product requirement, software spec หรือแม้กระทั่ง wiki page มาอ่านดู หรืออาจเริ่มจากการเอาบั๊กมาดูก็ยังได้ แล้วพยายามต่อจิ๊กซอร์ ในขณะเดียวกันพยายามคุยกับทีมเพื่อให้ได้ข้อมูลให้ได้มากที่สุด
![](https://i0.wp.com/codingugly.com/wp-content/uploads/2021/05/Imposter-Syndrome-2.jpeg?resize=1024%2C576&ssl=1)
Imposter syndrome เกิดจากการไม่เข้าใจและรู้สึกเหมือนช่วยอะไรทีมไม่ได้ การที่เราเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น แม้จะเป็นจุดเล็กๆ เช่นเข้าใจบั๊กเพียง 1 ตัวและช่วยให้บั๊กตัวนั้นปิดได้ ก็ทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาทันที จากนั้นก็เริ่มขยายขอบเขตออกไปเรื่อยๆ อย่าอายที่จะถามคำถามที่บางครั้งอาจดูไม่ฉลาด การถามว่ามันทำงานยังไง ไม่ได้ทำให้ใครดูโง่ การไม่กล้าถามนั่นแสดงว่าเรากำลังเชื่อว่าเราเป็น imposter จริง
![](https://i0.wp.com/codingugly.com/wp-content/uploads/2021/05/b3c81d312a99fe32bff0f81d9167c481.jpeg?resize=1000%2C1000&ssl=1)
เมื่อไหร่ที่ตั้งคำถามกับความสามารถของตัวเอง ให้ย้อนกลับไปนึกถึงโปรเจคที่เราทำสำเร็จในอดีต app ที่ลูกค้าใช้งานมาตั้งนานและยังใช้อยู่ หรือ app ที่มี userใช้งานเยอะมากๆ แสดงวว่าเป็น workable software ถึงแม้เราจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จ แต่อย่าลืมว่า engineering work ทำงานเป็นทีม
สุดท้ายอยากฝากไว้ว่า อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่เค้ารู้มากกว่าเรา ให้คิดเสมอว่า ถ้าเรารู้ว่าเค้ารู้อะไรที่เราไม่รู้ ไม่นานเราก็จะรู้เหมือนเค้า อย่าปล่อยให้ความรู้สึกไม่รู้เช่นนี้กลายมาเป็น imposter syndrome